ตอนที่ 1

อุปกรณ์ชนิดนี้คือ DC Wallbox Charger

คุณสมบัติมีดังนึ้
- ชาร์จแบบ DC ได้สูงสุด 7.2 Kw (Wall Charge ทั่วไป ชาร์จแบบ AC)
- หัวชาร์จยังเป็น Type 1 ส่วน Type 2 จะมาปีหน้า
- ทำหน้าที่ทั้ง Charge และ Discharge คือ เติมไฟให้รถ และ ดึงไฟจาก Battery รถมาใช้ภายในบ้าน
- เชื่อมต่อ Bluetooth และ WIFI สั่งงานผ่าน application บนมือถือ
- ดูข้อมูลการใช้พลังงาน, เวลาในการชาร์จและคำนวนค่าใช้จ่าย
- มีระบบจดจำใบหน้าและท่าทาง หรือ Facial Recognition and Gesture Control เพื่อปลดล็อคการใช้งาน

ตอนที่ 2 "DC HOME CHARGE AND DISCHARGE"

อุปกรณ์ชนิดนี้ เหมาะกับใคร? ควรใช้งานอย่างไร? ถึงจะได้ประโยชน์สูงสุด
หมายเหตุ: ไฟที่บ้านต้องเป็นระบบ 3 เฟส ผมขอลองแบ่งเป็นกลุ่มผู้ใช้ตามนี้นะครับ
1. ผู้ที่ใช้ไฟบ้านปกติ อัตราค่าไฟคงที่ทั้งกลางวันและกลางคืน
2. ผู้ที่ใช้ไฟบ้านแบบ TOU กลางวันไฟแพง กลางคืนไฟถูก
3. ผู้ที่ใช้ไฟบ้านปกติ + ระบบ Solar Cell

***การใช้งานหลักๆของเครื่องนี้คือ ชาร์จรถ EV PHEV และสามารถดึงไฟจากแบตเตอรี่ในรถ EV กลับมาใช้งานภายในบ้านได้ เรียกว่า 2 in 1***

กลุ่มที่ 1 แทบไม่ได้ประโยชน์จากเครื่องนี้เลย เพราะค่าไฟทั้งกลางวันและกลางคืนราคาเดียวกัน ประมาณ 4.5 บาทต่อหน่วยจะเอาไฟจากแบตเตอรี่มาใช้ในเวลากลางวันหรือกลางคืนก็มึค่าเท่ากัน
***แต่*** ถ้าราคาค่าไฟจากเครื่องชาร์จสาธารณะ จะ AC หรือ DC ก็ตามอยู่ที่ 2 บาทกว่า อันนี้ได้ประโยชน์
กลุ่มที่ 2 มิเตอร์แบบTOU ถ้านำไฟจากแบตเตอรี่มาใช้ในตอนกลางคืน ถือว่าไม่มีประโยชน์เพราะค่าไฟในตอนกลางคืนราคาถูกอยู่แล้ว
กลุ่มที่ 3 มีระบบ Solar กลุ่มนึ้จะได้ประโยชน์มากที่สุด ถ้าสามารถนำไฟที่ได้จากระบบ Solar มาชาร์จแบตเตอร์รี่ในรถยนต์ EV ให้ได้มากที่สุดแล้วนำไฟนั้นกลับมาใช้ในตอนกลางคืน
เปรียบเสมือนเรามีแบตเตอรี่สำรองขนาดใหญ่ อย่างน้อยก็ 10 kw ในรถ PHEV หรือ 44.5 kw up ในรถ EV

ตอนสุดท้าย "ต้องใช้งานอย่างไรถึงจะได้ประโยชน์สูงสุด"

ขอยกตัวอย่างอุปกรณ์ดังนี้ ***(ราคาและความจุแบตเตอรี่เป็นตัวเลขกลมๆเพื่อง่ายต่อการคำนวณ)
1. Powerwall (Battery pack) ขนาด 15Kw ของ Tesla ราคา 300,000 บาท
2. รถ MG EV (EP รุ่นใหม่) ขนาด Battery 50Kw ราคา 990,000 บาท
ถ้าเราจะใช้ Powerwall ขนาดเท่ากับแบตเตอรี่รถ EV เราต้องใช้เงิน 1 ล้านบาท ซึ่งพอๆกับราคารถ EV แต่รถ EV ได้เปรียบที่พาเราไปไหนมาได้ด้วยครับ

ส่วนอุปกรณ์ชนิดนี้ ผมว่า
- น่าจะเหมาะกับ User ที่มีระบบ Solar Cell จะที่ทำงานหรือที่บ้านก็ได้
- ใช้ไฟจากระบบ Solar ชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ EV หรือ PHEV ให้ได้มากที่สุด
- แล้วนำไฟจากแบตเตอรี่รถ EV บางส่วนมาใช้งานที่บ้านในตอนกลางคืน
- ส่วนจะใช้แบตเตอรี่ในการเดินทางหรือใช้ภายในบ้านเป็นสัดส่วนเท่าไร ผมขอไม่ลงรายละเอียด ขึ้นอยู่กับ life style และการบริหารจัดการ ของแต่ละบุคคล

ถ้าถามว่า ผมจะซื้อมั้ย กับราคาค่าตัว 250,000 บาท ในขณะที่ผมมีระบบ Solar ที่คืนทุนหมดแล้ว ตอบว่าไม่ซื้อครับ เพราะส่วนตัวคิดว่าราคายังสูงเกินจริง ส่วนตัวคิดว่าราคา เครื่องนี้ไม่ควรเกิน 2 ถึง 3 เท่าของราคา wall charge ปกติ แต่เจ้าเครื่องนี้ราคาสูงกว่า 5-6 เท่าครับ

ท้ายสุด ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่าน มาตั้งแต่ตอนที่ 1 จนถึงตอนจบ ในกลุ่ม Solar And EV Club Thailand Group | Facebook